หลวงปู่สรวง เทวดาเดินดิน วัดไพรพัฒนา จ.ศรีสะเกษ

หลวงปู่สรวง บายตึ๊กเจีย ,หรือดาบสซวง ( เขมร: ហ្លួងពូស៊ួង ) เป็นพระดาบสชาวกัมพูชา ในประเทศไทยที่ธุดงค์บำเพ็ญเพียรอยู่ตามป่าเขา ทุ่งนาของชาวบ้านไม่ชอบจำวัดอยู่ตามวัดต่างๆทำให้วัตรปฏิบัติของท่านดูแปลกกว่าภิกษุทั่วไป ผู้คนจึงเรียกท่านว่า”พระดาบส” หลวงปู่สรวง เทวดาเดินดิน ละสังขารเมื่อวันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2543 สรีระสังขารตั้งอยู่บนมณฑปปราสาทหลวงปู่สรวง วัดไพรพัฒนา อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ

หลวงปู่สรวง,ดาบสซวง เกิดเมื่อใดและอายุเท่าใดนั้นไม่มีใครทราบแน่ชัด เพียงแต่รับรู้กันว่าเป็นชาวเขมรกัมพูชา ซึ่งเข้ามาในเมืองไทยนานแล้ว และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2543 มีผู้ยืนยันว่าเคยพบเห็นหลวงปู่สรวง,ดาบสซวงตั้งแต่ยังเด็กซึ่งในจำนวนนั้นมีพระเถระสำคัญอยู่หลายท่านเช่น หลวงพ่อสร้อย วัดเลียบราษฏ์บำรุง หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ วัดเพชรบุรี จังหวัดสุรินทร์ หลวงปู่โป๊ะ วัดบ้านบิง ต่างยืนยันว่าเคยพบเห็นหลวงปู่สรวง,ดาบสซวงตั้งแต่ตัวเองยังเด็ก นอกจากนั้นยังได้รับการเล่าขานจากคนแก่เฒ่าที่อยู่ชายป่าบ้านตะเคียนราม และพระสงฆ์ในวัดตะเคียนราม อำเภอภูสิงห์ บริเวณตำบลกันทรารมย์ อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ บริเวณอำเภอบัวเชด จังหวัดสุรินทร์ และหมู่บ้านต่างๆตามแนวชายแดนไทย – กัมพูชา ซึ่งเป็นผู้ที่เคยพบเห็นหลวงปู่สรวง,ดาบสซวง ปัจจุบันมีอายุ 80 ปีขึ้นไป ต่างบอกว่าเคยเห็นท่านตั้งแต่ตัวเองยังเป็นเด็ก 7 – 8 ขวบ หลวงปู่สรวง,ดาบสซวง ท่านก็มีสภาพแก่ชราแบบนี้มานานแล้วจากคำบอกเล่าของรุ่นปู่รุ่นย่าของผู้บอกเล่า จนถึงวันที่ท่านละสังขารก็มีสภาพร่างกายเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย
หลวงปู่สรวง,ดาบสซวงเป็นคนที่มักน้อย สันโดษ สมถะ มีอุเบกขาสูง หลวงปู่สรวง,ดาบสซวงจะจําวัดอยู่ตามกระท่อมเถียงนาของชาวบ้าน มีกระดานไม้ปูแค่พอนอนได้ ทุกแห่งที่หลวงปู่จําวัดจะมีเสาไม้สูงปักอยู่ มีเชือกขาวซึ่งระหว่างกระท่อมเสาไม้หรือต้นไม้ข้างเคียงจะมีว่าวขนาดใหญ่ ที่บุด้วยจีวรหรือกระดาษแขวนไว้เป็นสัญลักษณ์ ที่ขาดไม่ได้คือจะต้องให้ลูกศิษย์ก่อกองไฟไว้เสมอ บางครั้งลูกศิษย์ เอาสิ่งของมาถวายท่านก็มักจะโยนเข้ากองไฟ ชาวบ้านในสมัยนั้นเรียกขานท่านว่า “ลูกเอ็อวเบ๊าะ” หรือ “ลูกตาเบ๊าะ” (เป็นภาษาเขมร หมายถึงพระ ดาบสที่เป็นผู้รักษาศีลอยู่ตามถ้ำตามป่าเขา) เรื่องราวของหลวงปู่สรวง,ดาบสซวง เต็มไปด้วยเรื่องราวปาฏิหารย์และความลี้ลับ เหนือโลก เกินกว่าที่ผู้คนส่วนใหญ่จะรับรู้และเข้าใจ

หลวงปู่สรวง,ดาบสซวง เทวดาเดินดิน ละสังขารเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2543 ณ กระท่อมบ้านรุน อำเภอบัวเชด จังหวัดสุรินทร์ หลวงปู่,ดาบสซวง มีอาการป่วยและฉันอาหารไม่ได้เป็นเวลาหลายวันและได้ย้ายมาพักที่กระท่อมข้างวัดป่าบ้านจะบกเวลาประมาณ 14.00 น. อาการป่วยของหลวงปู่,ดาบสซวง ก็กำเริบหนักหลวงปู่,ดาบสซวงจึงบอกบรรดาศิษย์ว่าจะไปที่บ้านรุน อำเภอบัวเชด จังหวัดสุรินทร์ ได้สั่งให้ลูกศิษย์ช่วยกันงัดแผ่นกระดานปูกระท่อมที่หลวงปู่นั่งทับอยู่ออกมาซึ่งเป็นแผ่นที่ท่านนั่งอยู่พองัดออกมาหลวงปู่ได้พนมมือไหว้ไปทุกทิศ เสร็จแล้วก็ให้ลูกศิษย์หามท่านออกมาจากกระท่อมวางลงบนพื้นดินด้านทิศเหนืออยู่ระหว่างกระท่อมกับต้นมะขาม โดยตัวท่านเองหันหน้าเข้ากระท่อมจากนั้นลูกศิษย์จึงช่วยกันพยุงหลวงปู่,ดาบสซวงขึ้นรถ แล้วขับมุ่งตรงไปที่บ้านรุน ซึ่งอยู่ในเขตอำเภอบัวเชด จังหวัดสุรินทร์ พอถึงบ้านรุนหลวงปู่,ดาบสซวง ได้สั่งให้ขับรถไปที่กระท่อมโดยด่วนพอถึงกระท่อมลูกศิษย์ได้อุ้มหลวงปู่,ดาบสซวง วางลงบนแคร่ที่ตั้งอยู่ในกระท่อมแล้วช่วยก่อกองไฟเพื่อให้ความอบอุ่นแก่หลวงปู่,ดาบสซวง และนำอาหารมาให้ท่านฉันท่านก็ไม่ยอมฉันอาหารในที่สุดก็มีความเห็นว่าให้รีบแต่งขันธ์ห้าขันธ์แปดขอขมาหลวงปู่,ดาบสซวงโดยด่วนตามที่เคยกระทำมาแล้วและได้ผลมาหลายครั้งลูกศิษย์คนหนึ่งกล่าวว่าถ้าได้แต่งขันธ์ห้าขันธ์แปดขอขมา พร้อมนิมนต์แม่ชีมาร่วมสวดมนต์ให้ท่านฟังท่านก็จะหายเป็นปกติ จึงได้พากันแต่งขันธ์ห้าขันแปดไปพลางก่อน แล้วค่อยไปตามคนที่เคยแต่งขันธ์ให้หลวงปู่,ดาบสซวง อีกที
ขณะนั้นหนึ่งในคณะลูกศิษย์ได้มีความเห็นว่าควรนำหลวงปู่ไปรักษาที่โรงพยาบาลซึ่งทุกคนก็เห็นด้วย จึงได้พากันอุ้มหลวงปู่,ดาบสซวง ไปขึ้นรถเพื่อจะไปโรงพยาบาลบัวเชด จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งใกล้ที่สุดแต่รถวิ่งออกห่างจากกระท่อมได้ไม่ถึง 50 เมตรหลวงปู่ก็มีอาการกำเริบหนักขึ้น ลูกศิษย์ต่างคนก็ร้องให้และมองดูหลวงปู่,ดาบสซวง ด้วยความอาลัยและสิ้นหวัง หลวงปู่,ดาบสซวง เริ่มหายใจแผ่วลง ในที่สุดได้ทอดมือทิ้งลงข้างกายเสียชีวิตด้วยความสงบบนรถ แต่ลูกศิษย์ก็ยังคงนำหลวงปู่,ดาบสซวง มุ่งไปที่โรงพยาบาลด้วยความหวังว่าหมอจะสามารถช่วยให้หลวงปู่ฟื้นขึ้นมาได้ พอไปถึงโรงพยาบาลบัวเชดหมอและพยาบาลได้นำหลวงปู่ดาบสซวงเข้าห้องฉุกเฉินทำการตรวจร่างกายโดยละเอียดแล้วสรุปว่า หลวงปู่,ดาบสซวง เสียชีวิตไปแล้วไม่ต่ำว่า 3 – 4 ชั่วโมง แต่ลูกศิษย์ต่างก็ยืนยันว่าเสียชีวิตไม่เกิน 10 นาทีแน่นอน เพราะระยะทางจากบ้านรุนมาโรงพยาบาลบัวเชดประมาณ 10 กิโลเมตรและขับรถมาอย่างเร็วด้วย ลูกศิษย์ไม่ให้ทางโรงพยาบาลฉีดยารักษาศพ และปรึกษากันว่าจะนำสังขารหลวงปู่ไปบำเพ็ญกุศลที่วัดบ้านขะยูง ตำบลห้วยตามอญ อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งเป็นวัดที่หลวงปู่,ดาบสซวง แวะจำวัดอยู่เป็นประจำ แต่พอมาถึงบ้านไพรพัฒนา ตำบลไพรพัฒนา อำเภอภูสิงห์ลูกศิษย์ได้ขับรถแวะเข้าที่วัดไพรพัฒนาเพื่อแจ้งข่าวให้หลวงพ่อพุฒ วายาโม เจ้าอาวาสวัดไพรพัฒนาได้ทราบว่าหลวงปู่สรวง,ดาบสซวงได้เสียชีวิตแล้ว ขณะนั้นเวลาประมาณ 19.00 น. หลวงพ่อพุฒ วายาโม จึงขึ้นไปที่รถแล้วเปิดประตูรถขึ้นไปกราบสังขารหลวงปู่,ดาบสซวง และถามบรรดาลูกศิษย์ว่าจะดำเนินการกันต่อไปอย่างไรก็ได้รับคำตอบว่า จะนำศพหลวงปู่ไปบำเพ็ญกุศลที่วัดบ้านขะยุง ตำบลห้วยตามอญ อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ หลวงพ่อพุฒบอกให้เดินทางล่วงหน้าไปก่อนจะตามไปทันที รถได้เคลื่อนตัวออกจากวัดไพรพัฒนามุ่งหน้าไปยังวัดบ้านขะยุง พอถึงระหว่างทางไปวัดบ้านขะยูงปรากฏว่าขบวนลูกศิษย์เปลี่ยนใจจะนำร่างหลวงปู่กลับมาบำเพ็ญกุศลที่วัดไพรพัฒนา และได้ตั้งสรีระสังขารหลวงปู่สรวงที่วัดไพรพัฒนามาจนถึงปัจจุบัน

ข้อมูลประวัติ หลวงปู่สรวง (เทวดาเล่นดิน)ออยเตียนสรูล บายติ๊กเจีย อริยสงฆ์ผู้อยู่เหนือโลก 500 พรรษา จำวัดทั่วจักรวาล

      เรื่องราวของหลวงปู่สรวง พระอริยะสงฆ์ผู้พิสดารที่อยู่เหนือกาลเวลา  ได้มีผู้เคยถาม หลวงปู่ฤทธิ์ รตนโชโต วัดชลประทานราชดำริ ว่า หลวงปู่รู้จัก หลวงปู่สรวง แห่งท้องทุ่งศรีสะเกษ หรือเปล่าครับ? หลวงปู่ฤทธิ์ ท่านบอกว่ารู้จัก และรู้จักมานานแล้ว เมื่อ คราวที่หลวงปู่ฤทธิ์ ทำบุญวางศิลาฤกษ์ สร้างศาลาการเปรียญหลังใหญ่ ที่วัดชลประทานราชดำริ หลวงปู่สรวงท่านก็มา เวลาท่านมาท่านก็มาของท่านเองไม่รู้ว่าท่านมาเมื่อไหร่ มารู้อีกทีก็เมื่อตอนที่เห็นท่าน เวลาท่านจะไปท่านก็ไปท่านเดินออกไปทางป่าด้านโน้น อยู่ด้านหน้าศาลาเป็นป่ากว้างมีน้ำท่วมขังเล็กน้อย ท่านเดินตรงไปแต่พอมองออกไปจะเห็นฝูงสัตว์เดินตามท่านเป็นพรวนแล้วสักพักท่านก็หายไป หลวงปู่ฤทธิ์ ท่านยังได้พูดว่า เรื่อง หลวงปู่สรวงพูดไปแล้วก็เหมือนกับนิยาย เป็นเรื่องเหลือเชื่อ แต่ท่านก็มีตัวตนจริง เมื่อหลายสิบปีก่อน ได้พบเห็นท่านอย่างไร เดี๋ยวนี้ก็เห็นท่านเหมือนเดิม ตัวของหลวงพ่อเองนี่ซิแก่ลงไปทุกวันทุกปีนี่ก็อายุ82 แล้วแต่หลวงปู่สรวง ท่านก็อยู่ของท่านอย่างนั้น ส่วนเรื่องอายุของ หลวงปู่สรวงนั้น หลวงปู่ฤทธิ์ท่านก็บอกว่า ท่านไม่รู้เหมือนกันว่าเท่าไหร่?....
สถานที่จำวัด เมื่อตอนที่พบ หลวงปู่สรวงก็คือ กระท่อมเฝ้านากลางท้องทุ่งริมถนนหมู่บ้านละลม-สะเดา ชายแดนด้านเขมร เป็นกระท่อมยกพื้นสูงมุงหลังคาด้วยไม้กระดานเก่าๆ กันลมกันฝนไม่ค่อยได้  ในวันนั้นหลวงปู่สรวงท่านนอนอยู่ในกระท่อม มีชายชราผมขาวนั่งเฝ้าอยู่ใกล้ ๆ คอยบีบนวดให้หลวงปู่สรวง นอกกระท่อมมีชายหญิงชาวบ้าน 4-5 คนนั่งคุยกันอยู่เป็นชาวบ้านย่านนั้น ข้างฝากระท่อมมีว่าวจุฬาตัวใหญ่เหน็บข้างฝาอยู่ 1 ตัว มีเตาเล็กๆ แลและหม้อหุ้งข้าวเก่าๆวางอยู่ 1 ชุด และก็มีถังใส่น้ำขุ่นๆเข้าใจว่าจะตักมาจากหนองน้ำกลางทุ่งที่อยู่ใกล้ ๆ  หน้ากระท่อมหลวงปู่สรวงมีแคร่ไม้ยาว สำหรับนั่ง พวกเราทุกคนเข้าไปกราบท่าน ท่านก็ลุกขึ้นมาแต่ท่านไม่พูดจาอะไร  ในปากของท่าน ก็เคี้ยวใบพลูสดอยู่ตลอดเวลา มีพวกผมคนหนึ่งถามท่านว่า หลวงปู่อายุเท่าไรแล้ว ท่านก็ตอบเป็นภาษาส่วย ซึ่งผมเองและเพื่อนที่ไปจากกรุงเทพ ก็ฟังไม่เข้าใจ แต่พรรคพวกที่ศรีสะเกษแปลว่าให้ฟังว่า เรื่องของอดีตลืมไปหมดแล้ว ชื่ออะไรก็จำไม่ได้ เขาเรียกว่าปู่สรวง ก็ปู่สรวง ชื่อเสียงมันก็ไม่ใช่ตัวของเราจะเรียกยังไงก็ได้ ถ้ามาคิดกันอีกแง่นึงก็เหมือนกับว่า ท่านได้สอนธรรมะชั้นสูงให้กับพวกเราให้รู้ว่า ให้มีแต่ปัจจุบันเพราะสิ่งทั้งหลายมันผ่านไปแล้ว มันเป็นเรื่อง สมมุติทั้งนั้น....
ว่าวจุฬาตัวใหญ่ที่เหน็บ ไว้ที่ข้างฝากระต๊อบก็เป็นสิ่งที่สะดุดใจของคณะพวกผม จึงไต่ถาม ชาวบ้านที่มาเฝ้าดูแลท่าน ชาวบ้านบอกว่า หลวงปู่สรวง ท่านชอบเล่นว่าว และชอบดูเขาตีไก่ชนกัน ตอนหน้าแล้งชาวบ้านทั่งเด็กและผู้ใหญ่จะไปเล่นว่าวกันที่กลางทุ่ง หลวงปู่สรวงท่านจะนั่งดูยิ้มหัวเราะด้วยความชอบอกชอบใจ บางคนยังเล่าว่า บางครั้งหลวงปู่สรวงท่านหายไปว่าวตัวที่เหน็บอยู่ก็หายไปด้วย เมื่อเห็นว่าเหน็บอยู่ที่กระต๊อบนั่นก็คือหลวงปู่ท่านต้องอยู่ที่กระต๊อบอย่างแน่นอน ผมก็เลยถามว่าเวลาหลวงปู่สรวงท่านออกไปไหนทำไมคนที่เฝ้าอยู่ไม่รู้ ? พวกเขาบอกว่ามาดูแลท่านเฉพาะตอนกลางวัน พอกลางคืนต่างคนก็กลับบ้านในกระต๊อบก็จะมีหลวงปู่สรวงท่านอยู่รูปเดียว เมื่อท่านหายไปไหนจึงไม่มีใครรู้  ชาวบ้านในกลุ่มที่เล่าบางคนถึงกับบอกว่า ท่านบินไปพร้อมกับว่าว 
ส่วนเรื่องที่ท่านชอบดูเขาตีไก่ชนนั้นก็เป็นเรื่องจริง เพราะมีบ่อยครั้งที่ที่มีการตีไก่จะเห็นหลวงปู่สรวงไปนั่งดูอยู่ด้วย และท่านก็จะหัวเราะชอบใจตบมือตบไม้เชียร์ไก่ก็ยังมี การที่มีผู้คนส่วนใหญ่ไปหาท่านมักจะเป็น เรื่องของตัวเลข เพื่อเอาไปแทงหวย ยิ่งใกล้วันที่หวยออกจะมีรถราหลายสิบคันไปจอดเรียงรายอยู่ใกล้ๆกระต๊อบที่ท่านจำวัด ถ้าใครได้ยินหรือได้ฟังว่าหลวงปู่สรวงทำอะไรออกมาเป็นตัวเลข พวกเขาก็จะคิดกันไปต่างๆนาๆบางคนก็ถูกบางคนก็ไม่ถูก มีคนเล่าให้ฟังว่า คนที่ถูกหวยได้เงินจำนวนมากๆ หลายรายนำเงินสดไปถวายท่าน ท่านก็หยิบขึ้นมาดูแล้วก็โยนเข้ารกเข้าพงไปทั้งปึก คนที่เห็นเหตุการณ์ ก็เข้าไปหาแต่ก็หาไม่พบทั้งๆที่เงินจำนวนไม่ใช่น้อยและบางครั้ง ก็มีผู้นำเงินไปถวายท่านเวลาที่เขากลับหลวงปู่สรวงท่านก็ขออาศัยรถเขาไปด้วยเมื่อรถแล่นไปตามถนนที่มีผู้คนมากๆหลวงปู่สรวง ท่านก็จะเอาเงินที่พวกเขาถวายออกมาโปรยไปตาม
ถนนที่รถวิ่งให้กับผู้คนที่ยากจน นับเป็นที่ร่ำรือและฮือฮากันมากสมัยที่มีสงครามช่วงชิงอำนาจของเขมรยังรุ่นแรงอยู่ ก็มีผู้คนอพยพมาตามแนวชายแดนเป็นจำนวนมาก มีคนเล่าว่าหลวงปู่สรวงท่านจะเปลี่ยนเป็นนุ่งขาวห่มขาวออกไปรับผู้ที่อพยพเข้ามาทางชายแดนจุดใดที่ท่านออกไปรับผู้ที่อพยพก็มักจะปลอดภัยจากปืนใหญ่และการติดตาม ของทหารเขมร บางวันหลวงปู่สรวงท่านก็จะเอาผ้าสีขาวปักเป็นธงไว้ในที่สูงให้เห็นกันอย่างชัดเจน ชาวเขมรที่อพยพก็จะไปอยู่กันตรงที่หลวงปู่สรวง ปักธงสีขาวเอาไว้ วันนั้นถ้า จะมีปืนใหญ่ถล่ม ยิงมาตามแนวชายแดน ผู้คนที่อพยพมาอยู่ตรงที่หลวงปู่สรวงปักผ้าขาวเอาไว้ก็จะปลอดภัยจากลูกกระสุนปืนใหญ่ภายหลังจากที่สงครามการช่วงชิง อำนาจของเขมรสิ้นสุดลง หลวงปู่สรวงท่านก็พักอยู่ที่กระต๊อบเฝ้านาด้านชายแดนเขมรแถว อำเภอ ขุขันธ์ เวลากลางวันก็มีชาวบ้านแถวนั้นมาคอยดูแลปรนนิบัติรับใช้ท่าน เวลากลางคืนหลวงปู่สรวงก็อยู่ของท่านรูปเดียว บางครั้งท่านก็จะหายไปนานๆ ท่านถึงจะกลับมา
เมื่อมีผู้คนเดินทางไปหาท่านเขาก็จะถามร้านตรงที่อยู่ตรงปากทางเข้าบ้านละลม-สะเดา ว่าหลวงปู่อยู่ หรือไม่? ถ้าหลวงปู่สรวงอยู่เขาก็จะบอกว่า ท่านกลับมาแล้วเมื่อคืนนี้ แล้วต่างก็เข้าไปหาท่านที่กระต๊อบเฝ้านา ไม่แห่งใดก็แห่งหนึ่ง ในท้องทุ่งนั้นเคยมีผู้นิมนต์ท่านไปเจิม ร้านวันเปิดร้านทำบุญขึ้นบ้านใหม่ก็มีอย่างปั๊ม ปตท. ปากทางเข้า อำเภอ ขุขันธ์ ที่พวกเราแวะเติมน้ำมันรถและรับประทานอาหารกลางวัน ก็ได้พบรูปหลวงปู่สรวงติดไว้ในร้านทั้งยังมีข้อความใต้ภาพว่า “หลวงปู่สรวง อายุ 500 ปี จำวัดทั่วจักรวาล” ทางเจ้าของร้านได้นิมนต์หลวงปู่สรวงท่านมาเปิดร้านให้ ปั๊มก็เจริญมาตลอดจนเป็นปั๊มใหญ่ดังที่ได้เห็นอยู่ทุกวันนี้
เรื่องของการเปิดป้ายร้านค้า ชาวบ้านผู้หนึ่งที่ได้เฝ้าดูแลหลวงปู่สรวงอยู่เล่าให้ผมฟังว่า มีร้านค้าเปิดใหม่แถวนั้นได้นิมนต์หลวงปู่สรวงเปิดร้าน พอท่านสวดมนต์และฉันอาหารเสร็จท่านก็เดินออกมาหน้าร้านด้านนอกถลกจีวรยืนฉีที่หน้าร้าน เจ้าของร้านรู้ทันจึงได้เข้าไปเอามือรองฉี่ของท่านสะบัดไปทั่วหน้าร้าน เจ้าของร้านที่เอามือรองฉี่เล่าให้ฟังภายหลังว่าฉี่ของหลวงปู่สรวงแทนที่จะร้อนหรืออุ่นๆ ที่มือฉี่ของท่านกลับเย็นเหมือนน้ำแข้งและเมื่อหวยออกงวดนั้น หมายเลขร้านค้า ดังกล่าวตรงกับเลขของหวยที่ออกพอดี หลายคนที่อยู่ในที่นั้นเลยถือโอกาสรวยไปตามๆกัน บางรายได้นิมนต์ท่านสวดมนต์เย็นขึ้นบ้านใหม่ร่วมกับพระสงฆ์ที่มาจากที่อื่น
เมื่อสวดมนต์เสร็จแล้วหลวงปู่สรวง ท่านจะลุกมาที่กลางบ้านนั่งถ่ายหนักอย่างหน้าตาเฉย ส่วนใหญ่เจ้าของบ้านก็จะรู้ทันรีบเอามือละเลงอึของท่านจนทั่วบ้าน เพราะเขารู้กันว่าอึของท่านไม่เหม็นแต่มีกลิ่นหอมคล้ายๆน้ำผึ้ง พฤติกรรมแปลกของหลวงปู่สรวง บางคนที่ไม่รู้ก็หาว่าท่านบ้าๆบอๆบางคนก็เห็นว่าท่านอยู่เหนือโลก บางคนเล่าให้ฟังอีกว่า ถ้าหลวงปู่สรวง ท่านจะไปไหนในเวลากลางวันท่านก็จะขอโดยสารรถไปดื้อๆ และก็ไม่มีรถคันไหนปฏิเสธท่าน ถ้ารถคันใดปฏิเสธท่านไม่ยอมให้ท่านไป รถคันนั้นก็จะขัดข้องเครื่องยนต์ก็จะดับบ้างติดบ้างหรือไม่ก็ยางแตกขับไปไหนไม่ได้ ดังนั้นเวลาท่านต้องการที่จะโดยสารรถคันไหนไปจึงไม่มีใครที่จะกล้าปฏิเสธ บางรายก็บอกว่าเมื่อท่านนั่งรถไปแล้วก็จะให้คนขับๆไปเรื่อยๆ ถ้าท่านให้หยุดส่งท่านตรงไหนท่านก็จะลงตรงนั้นแล้วท่านก็จะเดินหายไปเฉยๆ ไม่มีใครรู้ว่าท่านไปทำอะไรที่ไหน บางคนก็บอกว่าท่านกลับไปจำวัดที่กระต๊อบเฝ้านากลางทุ่งละลม-สะเดา แต่บางครั้งท่านก็จะหายไปนานๆ หลายๆวันแต่ก็ไม่มีใครทราบว่าท่านไปไหน จึงมีบางคนที่ถามท่านว่าท่านไปไหน ท่านก็ไม่ตอบ

วัตถุมงคลของหลวงปู่สรวงทุกชนิด โดดเด่นหลายทางตามคำอธิฐานดังนี้

  1. บูชา 1 อาทิตย์ เห็นฤทธิ์ ทางเมตตามหานิยม เจ้านายรัก ติดต่อการงานดี
  2. บูชา 2 อาทิตย์ เห็นฤทธิ์ ด้านโชคลาภ ค้าขาย ขายของดี ขายคล่อง เงินมาไม่ขาดสาย
  3. บูชา 3 อาทิตย์ เห็นฤทธิ์ ด้านเสี่ยงโชค เล่นการพนัน เสี่ยงดวง หวยล็อตเตอรี่ เห็นผลแน่นอน หากผู้นั้นบูชาด้วยความศรัทธาแน่วแน่
  4. เรื่องความปลอดภัยทางรถยนต์ แคล้วคลาด ไม่มีตายโหง
  5. ขอได้ดังใจนึกทางด้านค้าขายธุรกิจเจริญรุ่งเรือง เวลาเดือดร้อนทางการเงิน ให้ทำพิธีบอกกล่าวจุดธูปบอกท่านและอาราธนาขอพรเช้าเย็น 9 จบ ท่านจะช่วยให้เห็นผลได้รับความสำเร็จสมหวังมามากแล้วไม่เชื่อทดลองเถิด
  6. คงกระพันชาตรี ไว้ใจได้เห็นอภินิหารบ่อยๆ
  7. ป้องกันคุณไสย์ แก้อาถรรพณ์ ป้องกัน ผีสางนางไม้ เจ้าที่เจ้าทางได้
  8. เสริมดวง หนุนดวงชะตา
  9. ป้องฟ้าผ่า ไฟไหม้ ได้

Share:

Facebook
Twitter
Pinterest
LinkedIn

การชำระเงินและการติดต่อ